California crisis

เกิดฝนที่ตกหนักในแคลิฟอร์เนียเมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้ผู้คนติดไม่สามารถเดินทางออกมาจากพื้นที่ได้ ถนนหลวงส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ น้ำท่วมยังก่อให้เกิดดินโคลนถล่มที่ทำลายบ้านเรือน ทำให้ให้ผู้อยู่อาศัยหนีออกจากพื้นที่ อย่างน้อยสองคนเสียชีวิตเนื่องจากน้ำที่ทรงพลังได้หลั่งไหลเข้ามาจากมหาสมุทรแปซิฟิก รวมเข้ากับหิมะและลมพายุ กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติรายงานปริมาณน้ำฝนว่ามีมากกว่า 24 เซนติเมตร ติดต่อยาวนานกว่า 48 ชั่วโมงในที่เดียวของภูเขาซานเบอร์นาดิโนทางตะวันออกของลอสแองเจลิส

ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้พยายามให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกดึงขึ้นมาจากน้ำแต่เธอมีอาการหัวใจวาย ท้ายที่สุดเธอก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ผู้คนที่พยายามช่วยคือ Ryan Rolston เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ยังคงออกช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องล่าสุดได้ช่วยกลุ่มประชาชนอีก 9 คน สุนัขอีก 3 ตัว และนำไปส่งที่ค่ายผู้ลี้ภัย ในขณะที่ทางตอนเหนือของแซนดิเอโก้นักดับเพลิงก็ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือชายคนหนึ่งที่ถูกทับโดยคอนกรีต พื้นที่ส่วนใหญ่ของแซนดิเอโก้ได้รับผลกระทบจากดินโคลนถล่ม ทำให้ต้นไม้มากมายไหลมาทับบ้านเรือนในเมืองซอซาลิโต

ความน่าเป็นห่วงในอนาคต

ฝนตกยังคงตกหนักในบริเวณอ่าว ซานฟรานซิสโก ได้รับฝน 9.25 นิ้วในฤดูกาลนี้หรือประมาณ 83 เปอร์เซ็นต์ปริมาณน้ำฝนปกติ ซานโฮเซ่ได้รับ 5.19 นิ้วหรือ 78 เปอร์เซ็นต์ของปกติ ทางผู้พยากรณ์อากาศสตีฟแอนเดอร์สันก็ได้ออกมากล่าวว่าฝนจะตกอีกครั้งในช่วงวันพฤหัสบดี ท้องฟ้าจะแจ่มใสใน วันศุกร์-วันเสาร์ มีฝนตกเล็กน้อยในวันอาทิตย์ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ กว่าที่น้ำจะแห้งหมด ในขณะที่หิมะเริ่มตกใน นอร์ธสตาร์ และ ซูการ์โบลสำหรับใครที่คิดจะขับรถไปเล่นสกีนี่นั่นคงจะต้องคิดหนักเพราะลมกระโชกแรง

แคลิฟอร์เนียถือว่าเป็นเมืองที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมากๆ เมื่อล่าสุดก็เพิ่งจะถูกไฟป่าไปหมาดๆ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็แนะนำให้ประชาชนพิจารณาออกจากเมืองเป็นการชั่วคราว เนื่องจากสิ่งที่ตามมาหลังไฟป่าคือน้ำท่วม ส่วนใหญ่ 90% เป็นน้ำท่วมที่เกิดจากแม่น้ำเนื่องจากฝนตกหนักมากเกินไป อุณภูมิเพิ่มสูงขึ้นทำน้ำแข็งละลายส่งผลให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูง เหตุการณ์ล่าสุดก่อนหน้านี้เกิดในปี 2017 มีบ้านถูกน้ำท่วมประมาณ 500 หลัง ทำให้ต้องเปิดเขื่อนเพื่อระบายน้ำ ทำให้เขื่อนแซคราเมนโตถูกเปิดเป็นครั้งแรกในรอบสิบเอ็ดปี หลายพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียต้องปิดถนนเพื่อป้องกันน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม ส่งผลให้มีผู้อพยพกว่า 3,000 คน